อยากเขียน...นาน...น๊าน...นานแล้ว...
แต่เพราะเป็นเพียง “คนรู้น้อย” ที่วันหนึ่งดันหลงเดินออกไปไกล...ไกลเสียจนไม่รู้จัก “พระบ้าน” ของตัวเอง
รู้เพียงแต่ว่าท่านคือพระประธานในอุโบสถของวัดหงษ์ — หรือวัดศรีษะแรด ที่ชาวบ้านบ้านผมเรียกกันติดปาก
สิบปีที่แล้ว...
ผมพลิกหนังสือ อมตะพระเครื่อง ของอาจารย์ป๋อง สุพรรณ เปิดไปเจอหน้าโชว์พระเครื่องแดนอีสาน
ภาพหนึ่งทำให้ใจร้อนวูบ...หน้าชา...
ไม่ใช่เพราะความเร้าใจของราคา หากแต่เป็นเพราะความเขลาของตัวเอง
พระในหนังสือ...คือ “พระเจ้าใหญ่”
พระบ้านผมเองแท้ ๆ
ผมกลับไล่ตามพระจากแดนไกล จนหลงลืม...ว่าสมบัติแท้อยู่ใกล้แค่บ้านเกิด
ผมหยิบโทรศัพท์ โทรหาพ่อ แม่ ญาติผู้ใหญ่ทุกคน หวังว่าท่านใดจะยังเก็บไว้
แต่คำตอบเหมือนกันหมด...
“ขายไปนานแล้ว”
ตอนนั้นเอง...ผมจึงเริ่มออกตามหา
ในที่สุดก็ได้พระพุทธรูปปั๊มองค์เล็กมาองค์หนึ่งจากลุงคนหนึ่งในหมู่บ้าน
ตอนเห็นครั้งแรกผมยังแอบสงสัย...มีแบบลอยองค์ด้วยหรือ?
ลุงตอบมั่นใจว่า “มี”
เป็นแบบเดียวกับเหรียญรุ่นแรก เพียงเปลี่ยนรูปแบบการสร้างให้สะดวกต่อการแขวนบูชา
ผมไม่ปักใจเชื่อง่าย ๆ เลยโทรถามเพื่อน เซียนพระแถวบ้าน
เสียงตอบกลับตรงกันหมด...
“มีแน่นอน”
ก็เลยต้องยอมรับ...ว่าโง่เองนะเรา อิอิ
---
ขออนุญาตเล่าถึง เหรียญรุ่นแรกพระเจ้าใหญ่วัดหงษ์ และ พระปั๊มลอยองค์ สักหน่อย
เพราะถึงจะไม่มีข้อมูลปรากฏแน่ชัด แต่ก็เป็นพระเครื่องที่ห่อหุ้มไว้ด้วยกลิ่นอายแห่งศรัทธาและพุทธคุณ
ว่ากันว่า...เหรียญรุ่นแรกนี้สร้างราว พ.ศ. 2497
บางคนบอกว่าสร้างขึ้นเพื่อหารายได้บูรณะพระอุโบสถ บ้างก็ว่าเพื่อแจกจ่ายในงานปิดทองพระเจ้าใหญ่ ที่จัดต่อเนื่องมาร่วม 70 ปี
ใครที่เคยอยู่ร่วมยุคสร้าง ก็คงต้องอายุ 80 ปีขึ้นไปแล้ว
...ซึ่งหายากยิ่งกว่าพระ
จำนวนที่สร้างก็ยังเป็นปริศนา
บางแหล่งบอกว่าหลักพัน บางคนว่าไม่ถึงร้อย
แต่ในวงการ เห็นเปลี่ยนมือจริง ๆ ก็แค่ไม่กี่สิบองค์เท่านั้น
สายปลุกเสกก็มีสองความเชื่อ
สายหนึ่งเชื่อว่าเป็น หลวงปู่ผาง จิตฺตคุตฺโต
อีกสายว่าเป็น หลวงปู่ดุลย์ อตุโล
ทั้งสององค์นี้...ไม่ต้องพูดถึงความขลัง
แค่ชื่อ...ก็สะเทือนใจผู้ศรัทธาแล้ว
---
สิ่งหนึ่งที่น่าคิดคือ...
แม้ไม่มีข้อมูลยืนยันชัดเจนว่าใครสร้าง สร้างเมื่อใด หรือสร้างเพื่ออะไร
แต่ เหรียญพระเจ้าใหญ่ กลับได้รับการยอมรับอย่างสูงในหมู่นักสะสม
ราคาขยับขึ้นไม่หยุด
ผมได้พูดคุยกับเพื่อนมัธยมคนหนึ่ง “คุณเชษฐ์ ไธสง” ผู้มีความรักและศรัทธาในพระเจ้าใหญ่อย่างแนบแน่น
เขาบอกว่า...
ตอนนี้แค่จะ “ขอดู” เหรียญสภาพดี ๆ ยังแทบไม่ได้
ส่วนเหรียญที่มีการเปลี่ยนมือ มักเป็นสภาพ 80-90%
แต่ราคาก็แตะหลักหมื่นกลาง ๆ แล้ว
---
แล้วอะไร...ที่ทำให้เหรียญนี้มีคุณค่ามากนัก?
ผมขอตอบในแบบ “คนรู้น้อย” ว่า...
มันคือ “ปาฏิหาริย์” และ “ศรัทธา” ที่จับต้องได้
ผู้ครอบครองจำนวนมากเล่าตรงกันว่า
“แคล้วคลาด ปลอดภัย”
เป็นประสบการณ์ตรงที่เล่าต่อกันมาหลายชั่วอายุคน
และไม่ใช่เพียงตำนานในหมู่บ้าน
แต่เป็นสิ่งที่ยังเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในชีวิตจริง
---
และเหนือสิ่งอื่นใด...
คือ “องค์พระเจ้าใหญ่” เอง
ที่เป็นเสมือนศูนย์รวมจิตใจของชาวบุรีรัมย์
ไม่ว่าจะชาวบ้าน นักการเมือง หรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่
ต่างต้องมา “กล่าวคำปฏิญาณ” และ “ขอพร” ต่อหน้าท่าน
บางคนมาขอเรื่องงาน เรื่องความก้าวหน้า
บางคนมาขอเรื่องครอบครัว
แต่ที่เห็นบ่อยที่สุด...คือ “การสาบาน”
สาบานว่าจะเลิกอบายมุข
เลิกเหล้า เลิกการพนัน เลิกยา
หรือแม้แต่เลิกคบชู้ผิดประเวณี
หากใครละเมิดคำสาบาน...
เรื่องราวที่เกิดขึ้นตามมา มักไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
ในอีกด้านหนึ่ง คนที่มาขอพรเรื่องบุตร
หลายคนเล่าว่า
“ฝันเห็นองค์พระเจ้าใหญ่”
และในฝันนั้น...ท่านยื่นของบางอย่างให้
ไม่นานหลังจากนั้น...พวกเขาก็สมหวัง
---
เรื่องราวเหล่านี้...ไม่มีในตำรา ไม่มีในพิพิธภัณฑ์
แต่มันอยู่ในหัวใจของคนที่ศรัทธา
แม้ เหรียญพระเจ้าใหญ่ จะไม่โด่งดังในระดับประเทศ
แต่มันคือหนึ่งใน “พระเครื่องแห่งอีสาน” ที่งดงาม เปี่ยมพุทธคุณ และศักดิ์สิทธิ์จนผู้คนต้องแสวงหา
ทุกวันนี้ของเก๊เริ่มมีบ้างประปราย ยังไม่มาก
แต่หากใครคิดจะหามาบูชา...
ควรถามผู้รู้ให้แน่ใจ
เพราะพระแท้...ไม่ใช่แค่ราคา
แต่มันคือ “ความเชื่อ” และ “ความศรัทธา” ที่เงินก็ซื้อไม่ได้
เครดิตภาพ: คุณเชษฐ์ ไธสง