วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2563

......กระบี่.....

 ... กระบี่.... 


“กระบี่...ในมุมสงบของใจ”

หายไปนาน...
เวลาร่วมปีที่ไม่มีโอกาสได้ขีดเขียน
ชีวิตวุ่นวาย เดินทางมากมาย
ยุ่งอยู่กับเรื่องราวสารพัด
จนวันนี้ ผมได้กลับมาเขียนถึง "กระบี่" จังหวัดที่ใคร ๆ ก็รู้จักกันดีในฐานะแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลสุดฮิต

พูดถึงกระบี่...หลายคนคงนึกถึง “อ่าวนาง” หรือ “เกาะพีพี”
แต่ครั้งนี้ผมอยากพาทุกคนไปรู้จักกับที่หนึ่ง
ที่เงียบ สงบ และสวยงามไม่แพ้กัน
ชื่อของมันคือ...
“คลองม่วง”

หลายคนอาจยังไม่คุ้นหู
คลองม่วงอยู่ห่างจากหาดอ่าวนางเพียง 12 กิโลเมตรเท่านั้น
ชายหาดแห่งนี้มีความสงบเป็นเอกลักษณ์
เม็ดทรายขาวละเอียด
น้ำทะเลใสสะอาด
ผู้คนไม่พลุกพล่าน
ไม่มีเก้าอี้เช่าเรียงราย ไม่มีหาบเร่ขายของวุ่นวาย
มีเพียงร้านอาหารเล็ก ๆ ของชาวบ้าน 3-4 ร้านที่แสนอบอุ่นและน่าอุดหนุน

ชายหาดทอดยาว เคียงข้างวิถีชีวิตอันเรียบง่าย
ไม่มีถนนคนเดิน
ไม่มีร้านขายของที่ระลึก
เหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่อยากพักใจ ปล่อยสมองให้โล่ง
ปล่อยชีวิตให้ไหลไปกับเสียงคลื่นและสายลม

สำหรับผม…คลองม่วง
ไม่ใช่แค่ “สถานที่ท่องเที่ยว”
แต่มันคือ “วิถีชีวิต” ของชุมชน
ชาวบ้านที่นี่—ทั้งชาวไทยพุทธและมุสลิม—อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน
เรียบง่าย และงดงาม
เดินเหยียบผืนทราย มองเห็นเรือหาปลาจอดเรียงราย
หัวเรือผูกผ้าหลากสีพลิ้วไหวตามสายลม
เสียงคลื่นซัดฝั่ง...
เรือโคลงเบา ๆ ตามจังหวะธรรมชาติ
มันคือภาพที่ผมอยากเห็นไปตลอด

ผมอดไม่ได้ที่จะนึกเปรียบกับสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ
หัวหิน...สมุย...ภูเก็ต...
เรากำลัง “ตักตวง” ธรรมชาติมากเกินไปหรือเปล่า?
“ล่วงล้ำ” จนลืมที่จะเคารพความงดงามที่เคยมี?

คลองม่วงควรเป็นพื้นที่ของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
ควรเป็นที่ที่เรามา...เพื่อรับ...ไม่ใช่รุก

ทุกอย่างเริ่มต้นที่ตัวเรา
“เก็บมาแต่ภาพถ่าย ทิ้งไว้เพียงความทรงจำ”
คำพูดนี้ยังเป็นจริงได้ หากเรายังไม่ลืม...

ผมรู้สึกดีมากที่ได้ใช้เวลาชีวิต ณ ที่แห่งนี้
ได้รู้จักผู้คน
ได้รู้จักเพื่อนใหม่ ที่แม้ต่างความเชื่อ ต่างความคิด
แต่กลับใช้ชีวิตเคียงข้างกันได้อย่างลงตัว

รอยยิ้มจากชาวบ้าน ความสงบจากธรรมชาติ
ทำให้ผมไม่อยากให้ที่นี่เปลี่ยนไป
กลัวว่า...ถ้าชื่อเสียงมันเพิ่มขึ้น
ธรรมชาติอาจจะต้องจ่ายในราคาที่แพง

พัทยา...บางแสน...
อาจเป็นตัวอย่างที่เราไม่อยากให้ซ้ำรอย

เราไม่อาจห้ามอนาคตได้
แต่เราเลือกได้ ว่าจะทำอย่างไรในปัจจุบัน

คลองม่วง...
คือที่ที่ควรมา
ควรรีบมา...ก่อนที่มันจะเปลี่ยนไป

เล่าได้เท่านี้ครับ...
นาฬิกาชีวิตของ “ฅนรู้น้อย” อาจพาเดินทางไปไกลอีกครั้ง
แต่ตอนนี้...ขอจมอยู่กับธรรมชาติที่งดงามใกล้ตัวก่อน

กระบี่...อาจมีภาคต่อก็เป็นได้
หากหัวใจยังโหยหา ความสงบในแบบที่ไม่ต้องพูดเยอะ


---








วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2563

หาดต้นไทร-หาดไร่เลย์ กับวันพักผ่อน(ของทะเล)




สถาณะการณ์ โควิด-19 ยังไม่หายไป บังคับให้ใครหลายๆคนจำต้องหยุดเดินทาง...แต่เมื่อบ้านเราเริ่มผ่อนปรน..เราเลยมีโอกาสที่จะไปไหนต่อไหนได้อีก...และแล้วก็ทะเล...ทะเล..ทะเลกระบี่..ในวันที่ท้องทะเลว่างเปล่า...ดูเงียบเหงา...แต่...แต่..มีความสวยงามของธรรมชาติที่ได้สร้างไว้แบบสุดจะบรรยาย..ตั้งแต่ที่มีการแพร่ระบาด...มนุษย์ต้องหยุดทุกสิ่ง...ทำให้ธรรมชาติมีโอกาสพักฟื้น...และก็ฟื้นขึ้นมามอบความสวยงามให้เราได้สัมผัสอีกครั้ง...อ่าวต้นไทร-หาดไร่เลย์....ทริปในวันนี้แสดงให้เห็นว่าความสวยงามของที่นี่สุดจะบรรยายด้วยคำพูดจริงๆ...สมแล้วที่เป็นระดับ..World class destination... คงไม่ต้องเขียนอะไรให้ยาวให้มากมาย..ขออธิบายด้วยภาพถ่าย..ใครอยากสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ รีบมาเลยครับ..ทุกอย่างพร้อมแล้วตอนนี้.ที่พัก..ร้านอาหารกลับมาอีกครั้ง...ว่าไปแล้วจะขอเล่าแค่ทริปสั้นๆของพวกเราจากอ่าวต้นไทร...ไปหาดไร่เลย์...ถ้ำพระนาง..ปิดท้ายจุดชมวิวแบบเสียวๆ..
....รวมตัวที่ชิงช้าหน้าหาดอ่าวต้นไทรที่แสนสวยงาม...วันนี้โชคดีมากได้ไกด์ระดับ Pro master พี่เอ๋...มาด้วยแบบไร้ค่าตัว..ทำให้ผมรู้สึกได้ว่าผมจะกลับมายืนที่ชิงช้าได้อีกในตอนเย็น...ไม่ต้องให้ใครเหนื่อยออกตามหา..55. ว่าแล้วเราก็ออกเดินทางกัน...น้ำขึ้นพอประมาณต้องปีนข้ามชะง่อนเขาเพื่อทะลุไปหาดไร่เลย์ตะวันตก..ก็พอได้เหงื่อ...







ประมาณ 10 นาทีก็ถึงทางลงหาดไร่เลย์ตะวันตก..เมื่อยขาจนรู้สึกได้...นี่แค่ยกแรก...


เห็นแล้วต้องตะลึง..ตึงๆ...ภาพสวยงามที่แปลกตา..ไม่มีผู้คน...ไม่มีเรือยนต์...แล้วเราก็ตัดข้ามฝั่งไปไร่เลย์ตะวันออก ลัดเลาะผ่านโรงแรมออกมา เลียบเลาะตามทางเดินใต้ชะง่อนเขาชมปฏิมากรรมธรรมชาติที่สวยงามเพื่อไปที่หาดพระนาง



พอถึงหาดพระนางเราก็ตะลึงอีกรอบ..สตั้ลไป5วินาที...ทีเด็ดอยู่ตรงนี้ครับ...หลังจากที่ทะเลได้พัก..ธรรมชาติได้พักและกลับมาอีกครั้ง...











เดินเลียบหาดเรื่อยไป...ไปปีนเขาเข้าถ้ำดูวิวกัน....ในถ้ำถือว่ามืดต้องมีไฟฉายนะครับ มีบางช่วงที่ต้องปีนป่าย ต้องโหนเชือก ขึ้นบันไดไม้ไผ่ รองเท้าก็สำคัญ...ต้องสมบูรณ์หน่อยเป็นพื้นแบบเทรลจะดีมากเลยครับกว่าจะขึ้นถึงปล่องก็หอบทีเดียวเชียวแระ..บนจุดยืนที่ปล่องยืนได้5-6คนกำลังพอดีแล้วต้องขึ้นบันไดทีละคนด้วยครับแถมมืดแบบมองไม่เห็นอีกด้วย...แต่มันสวยมันคุ้มกับการปีนป่ายกระหายน้ำมาก....ตรงปล่องจะมีชะง่อนหินให้ไปนั่ง..ไปยืนเก็บภาพสวยๆ..วิวมองเห็นคุ้งอ่าวไร่เลย์ตะวันตกกับอ่าวต้นไทรแบบพาโนราม่า....สวยมากมาย....แต่อย่าลืมเรื่องความปลอดภัยครับสำคัญสุดเลยเวลายืนรึนั่งต้องจับเชือกตลอดเวลา..และต้องมีคนนำทางด้วยครับ..มันมีซอกหลืบ..ให้หลงทางทั่วไปหมด...อย่าไปเองโดยไม่มีไกด์ในพื้นที่ครับผม


ขากลับน้ำลดพอดี...เดินเลาะโขนหินกลับอ่าวต้นไทรจุดเริ่มต้น...มันคือดีมากไม่ต้องปีน......แล้วเราจะมาใหม่
ใครอยากหนีความสับสนวุ่นวาย...แพ็คกระเป๋าเดี๋ยวนี้....555
มาดูวันพักผ่อนของทะเลกัน....




#เครดิตภาพ...น้องอเล็กซ์ เขาหล่ะมือหนึ่ง ของทริป